แพ้ยาง! หากแพ้ถุงมือยาง ควรทำอย่างไร

ถุงมือแพทย์ถุงมือแพทย์ที่ใช้ หากแพ้ยางจากถุงมือต้องทำอย่างไร?

ถุงมือแพทย์จากยางธรรมชาตินั้น ได้มาจากต้นยางพารา ซึ่งเดิมจะเป็นน้ำยางมีลักษณะเป็นนของเหลวขุ่นข้น แล้วผ่านกระบวนการผลิตจนเป็นถุงมือยางชนิดถุงมือแพทย์ ซึ่งในบางครั้งอาจเกิดปัญหาเรื่องการแพ้ยางกับผู้สวมใส่ อันที่จริงไม่ได้เกิดจากยางหรอกครับ แต่ปัญหาเรื่องการแพ้ยางจะเกิดเพราะโปรตีนที่อยู่ในยางธรรมชาติมากกว่า

ตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา โปรตีนจากยางธรรมชาติซึ่งใช้ในการผลิต ถุงมือยาง ถุงยาง ลูกโป่ง หนังยาง ยางลบ และของเล่น ได้สร้างปัญหาแก่ผู้สวมใส่ที่มีอาการแพ้ จวบจนกระทั่งในปี 1990 ได้มีกาคิดค้นยางสังเคราะห์ หรือยางธรรมชาติแบบชนิดไม่มีแป้งขึ้นมาได้ ทำให้ปัญหาเรื่องการแพ้แป้งลดลงไปอย่างมาก

บทความก่อนหน้า ทาง Siamglove.com ได้กล่าวถึงชนิดของถุงมือ การเลือกใช้ ตลอดจนการแพ้ถุงมือ ทั้งแพ้แป้งในถุงมือแพทย์ชนิดมีแป้ง และการแพ้ยาง โดยกล่าวถึงสาเหตุและอาการแพ้ไปแล้ว ในบทความนี้จะกล่าวถึงข้อปฎิบัติ เมื่อเราทราบหรือสงสัยว่าแพ้ยาง เราควรปฎิบัติอย่างไร
ปฎิกิริยาการแพ้ยางธรรมชาติ

การแพ้ยางธรรมชาติมีสาเหตุมาจากปัญหาเรื่องภูมิต้านทานของผู้สวมใส่ โดยระบบจะมีปฎิกิริยาต่อสารต่างๆที่เข้าสู่ร่างการหรือสัมผัสกับร่างกายแตกต่างกันไป เช่นถ้าคุณมีอาการแพ้ก็เพราะภูมิคุ้มกันในร่างกายมีปฎิกิริยาต่อต้านสารโปรตีนที่อยู่ในยาง โดยจะผลิต antibodies (ที่เรียกว่า Immunoglobulin E – IgE) แอนติบอดี้จะเข้าสู่เซลแล้วจะปล่อยสารเคมีที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ โดยจะปรากฏตามผิวหนัง จมูก ปอด คอ ท้อง เป็นต้น

ผู้แพ้ยางจะมีอาการต่างๆเช่น คันผิวหนัง, เป็นผื่น, บวม, พอง, ไอ, จาม, หอบ, หายใจติดขัด อย่างใดอย่างหนึ่งหรืออาจผสมกันที่เรียก anaphylaxis (an-a-fi-LAK-sis) ซึ่งจะต้องพบแพทย์ทันที

อาการแพ้เหล่านี้นอกจากเกิดจากการสัมผัสกันโดยตรงแล้วอาจเกิดจากโปรตีนนยางฟุ้งกระจายในอากาศ โดยเฉพาะในถุงมือแพทย์ชนิดมีแป้ง เพราะโปรตีนอาจติดไปกับแป้งที่ฟุ้งกระจาย โดยโปรตีนอาจสัมผัสหรือเข้าสู่ร่างกายของผู้สวมใส่หรือของคนข้างๆโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นการสวมถุงมือชนิดไม่มีแป้งหรือยางสังเคราะห์เช่น ไนไตร ไวนิล จะลดโอกาสการฟุ้งกระจายเหล่านี้
ข้อปฎิบัติเมื่อเกิดการแพ้สารโปรตีนในถุงมือยาง

หากเราทราบว่ามีอาการแพ้ยาง เราควรทำตัวอย่างไร ผมมีหลักง่ายๆดังนี้ครับ

เมื่อผู้สวมใส่ถุงมือแพทย์ทราบว่ามีการแพ้โปรตีนในถุงมือยาง ผู้สวมใส่ต้องตระหนักหรือทราบถึงสาเหตุที่ตนเองแพ้ และคอยระมัดระวังตัวไว้ตลอดเวลา

ผู้สวมใส่ถุงมือแพทย์ที่มีอาการแพ้ จะต้องได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อรู้ว่าตนเองแพ้ในระดับไหน เพื่อหาทางป้องกัน หรือรักษาต่อไป ซึ่งคุณหมอจะเป็นผู้วินิจฉัยว่าผู้ป่วยแพ้ในระดับไหน

ถ้าอาการแพ้สารโปรตีนของผู้สวมใส่อยู่ในระดับที่รุนแรง ผู้สวมใส่ควรแจ้งหัวหน้า เพื่อให้จัดหาถุงมือชนิด latex-free เช่นถุงมือไนไตร หรือ ถุงมือไวนิล เนื่องจากถุงมือไนไตรหรือถุงมือไวนิล จะไม่มี Latex เป็นส่วนผสม (จัดเป็น Synthetic latex gloves ชนิดหนึ่ง) และถุงมือดังกล่าวแทบจะใช้แทนถุงมือแพทย์จากยางธรรมชาติได้เลยทีเดียว แต่ราคาอาจสูงกว่า

และถ้าคุณมีอาการแพ้รุนแรง หากคุณใส่ถุงมือชนิด latex-free เช่นถุงมือไนไตร หรือไวนิล ก็อาจไม่เพียงพอ เพราะเพื่อนร่วมงาน หรือบุคคลข้างเคียงอาจสาวมถุงมือยางธรรมชาติชนิดมีแป้ง ซึ่งอาจพาพาโปรตีนฟุ้งกระจายมากับแป้งดังกล่าว ซึ่งผู้มีอาการแพ้โปรตีนในยาง อาจสัมผัส หรือสูดหายใจ เอา Latex เข้าไป ดังนั้นผู้มีอาการแพ้ ควรหลีกเลี่ยงบริเวณดังกล่าว

พึงระลึกเสมอว่าผู้มีอาการแพ้ยาง ซึ่งที่จริงคือแพ้โปรตีนในยาง หากแพ้ชนิดรุนแรง นอกจากหลีกเลี่ยงการสัมผัสยางจากถุงมือยางธรรมชาติแล้ว ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากยางชนิดอื่นๆด้วย เช่นหนังยาง ถุงยาง ลูกโป่ง เป็นต้น

สุดท้ายนี้ ถ้าคุณมีอาการแพ้รุนแรง นอกจากโปรตีนในถุงมือแพทย์ทีคุณควรระมัดระวัง ทั้งสวมใส่เองและจากเพื่อนร่วมงานแล้ว คุณควรระมัดระวังในการบริโภคอาหารบางอย่างเช่นกล้วย อะโวคาโด กีวี ซึ่งอาหารเหล่านี้ก้มีโปรตีนชนิดเดียวกับในยางธรรมชาติเช่นกันครับ

หวังว่าบทความชิ้นนี้คงจะทำให้ผู้แพ้ยางธรรมชาติมีแนวทางป้องกันมากขึ้น และหากยังกังวล ก็อาจพิจารณาถุงมือ latex free จำพวกถุงมือไนไตร (หรือถุงมือยางไนไตร) ก็ได้ลองติดต่อ siamglove.com ได้ตลอดเวลาครับ

Similar Posts

  • ถุงมือไนไตร: ดีอย่างไร ต่างจากถุงมือยางธรรมชาติอย่างไร

    ถุงมือไนไตรทำมาจากยางสังเคราะห์ (synthetic latex) โดยถุงมือไนไตรใช้เพื่อป้องกันของมีคมบาดมือหรือนิ้ว เนื่องจากถุงมือไนไตรมีความเหนียว ทนต่อของมีคมเป็นพิเศษและทนต่อการขาด โดยเฉพาะอย่ายิ่งเมื่อเปลี่ยบเทียบกับถุงมือแมีพทย์มีแป้งและไม่มีแป้งก็ตาม ถุงมือไนไตรสีฟ้า สีม่วงหรือไม่ว่าสีใดๆ จะมีความทนทานมากกว่า 3 เท่าโดยเฉลี่ยในแง่ของทั้งทนต่อของมีคม และหรือสารละลาย หรือสารเคมีอื่นๆ เมื่อเปรียบเทียบกับถุงมือยางธรรมชาติแล้ว ถุงมือไนไตรค่อนข้างลื่นกว่าสามารถสวมใส่ได้ง่ายกว่าถุงมือยางธรรมชาติ นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ถุงมือไนไตรเป็นที่นิยมมากกว่าถุงมือไวนิล และถุงมือยางธรรมชาติ ยิ่งกว่านั้นถุงมือไนไตรยังมีคุณสมบัติทนต่อสารเคมี จำพวกสารละลาย อย่างไรก็ตามครับ เมื่อท่านจะซื้อถุงมือไนไตร สิ่งที่ควรทราบสำหรับถุงมือนี้มีหลายข้อดังนี้

  • ถุงมือแพทย์ชนิดมีแป้ง : ควรใช้หรือไม่

    ถุงมือแพทย์ ปกติทางเวป siamglove.com ไม่ค่อยได้เขียนบทความเกี่ยวกับถุงมือแพทย์ชนิดมีแป้ง มากนัก เพราะเชื่อว่าท่านผู้อ่านคงคุ้นเคยกับถุงมือแพทย์ชนิดนี้มากแล้ว เพราะพบเห็นได้มากที่สุดทั้งในโรงพยาบาล โรงงาน ร้านขายยา เพราะเป็นถุงมือที่ใช้กันในวงกว้าง แม้ว่าเมื่อเทียบระหว่างถุงมือแพทย์แบบมีแป้ง (Powdered) กับถุงมือแพทย์แบบไม่มีแป้ง (Powder Free) จะดูเหมือนถุงมือแพทย์แบบไม่มีแป้งจะดีกว่าเกือบทุกด้าน แต่ราคาสูงกว่าเท่านั้น แต่จริงๆ ถุงมือแพทย์แบบมีแป้งก็มีข้อดีอยู่หลายข้อทีเดียวครับ ถุงมือแพทย์เหมือนกับถุงมือแพทย์แบบไม่มีแป้งอย่างไร…

  • ถุงมือแพทย์ : ชนิดใช้แล้วทิ้ง เอาไปใช้อะไร

    ยางธรรมชาติเป็นวัตถุดิบสำคัญหลักในการผลิตถุงมือแพทย์ชนิดใช้แล้วท้ิง โดยสามารถนำไปผลิตถุงมือแพทย์มีแป้ง และถุงมือแพทย์ไม่มีแป้ง และส่วนผสมวัตถุดิบอืนของถุงมือแพทย์จะทำมาจากวัสดุธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ยังมีสารเคมีอื่นๆที่ผสมลงไป เพื่อให้ได้ถุงมือแพทย์หรือถุงมือยางมา ถุงมือยางธรรมชาติชนิดใช้แล้วทิ้งนี้ผลิตขึ้นครั้งแรกในปี 1894 หรือ พ.ศ. 2437 (100 ปีก่อน) และ W.S. Halsted เป็นนายแพทย์ชาวอเมริกันคนแรกที่สวมถุงมือแพทย์ชนิดฆ่าเชื้อเพื่อรักษาคนไข้

  • ถุงมือชนิดมีแป้งต่างจากชนิดไม่มีแป้งอย่างไร

    ถุงมือแพทย์จากยางธรรมชาติ หรือถุงมือยางตรวจโรค นั้นในท้องตลาด แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ถุงมือแพทย์จากยางธรรมชาติชนิดมีแป้ง  และ ถุงมือแพทย์จากยางธรรมชาติชนิดไม่มีแป้ง  ซึ่งดูเผินๆแล้วคล้ายกันมาก เพราะ ออกสีขาวๆ เหมือนกัน แต่ทั้งสองแบบ มีความแตกต่างกันในหลายๆด้าน ทั้งองค์ประกอบ, การใช้งาน และราคา และในบทความนี้เราจะมารู้จักถุงมือทั้ง 2 ชนิดกันครับ

  • ถุงมือแพทย์ไม่มีแป้ง:ควรใช้หรือไม่

    ถุงมือแพทย์ไม่มีแป้ง จะมีก่อให้เกิดการแพ้แป้งแก่ผู้สวมใส่ แต่การที่ไม่มีแป้ง จะทำให้สวมถุงมือยากขึ้น บทความนี้เราจะรู้ว่าควรใช้ถุงมือชนิดไม่มีแป้งหรือไม่

  • ถุงมือไนไตร : คืออะไร? เมื่อไหร่ควรใช้?

    ถุงมือไนไตร ประวัติและที่มา เชื่อว่าท่านผู้อ่านคงเคยได้ยินถุงมือไนไตรมาบ้างนะครับ แม้ว่าบางท่านอาจไม่รู้จักมันเลย และเรียกชื่อผิดๆ เป็น ถุงมือไนโตร เพราะบ่อยครั้งมีบางท่านโทรมาถามว่า มีถุงมือไนโตร จำหน่ายหรือไม่ ก็คงไม่แปลกหากท่าน เรียกชื่อมันผิดๆถูกๆ เพราะเราไม่รู้คุ้นกับมันเท่าไหร่ เพราะถ้าเราพูดถึงถุงมือตรวจโรคชนิดใช้แล้วทิ้ง เกือบจะทุกท่านจะนึกถึงถุงมือแพทย์จากยางธรรมชาติ เพราะเหตุผลหลายๆประการเช่น บ้านเราผลิตยางธรรมชาติได้มาก เราจึงคุ้นเคยกับยางธรรมชาติมากกว่ายางสังเคราะห์ ถุงมือแพทย์จากยางธรรมชาติ มีมานานกว่า เราจึงรู้จักถุงมือแพทย์จากยางธรรมชาติได้ดีกว่า ถุงมือยางธรรมชาติ มีราคาถูกกว่า จึงมีใช้กันมากกว่า ไปที่ไหนก็เห็น เราจึงคุ้นเคยกับมันมากกว่า ถุงมือไนไตรเริ่มผลิตครั้งแรกเมื่อปี 1980 (ราวปี พ.ศ. 2523) โดย นายนิล ทีลลีสัน (Neil Tillitson) และ นายลุค เดอร์เบกเกอร์ (Luc DeBecker) ต่อมาในปี 1990 ได้มีการพัฒนาเทคนิดและกระบวนการผลิต และมีการจดสิทธิบัตรในปี 1991